Monthly Archives :

January 2020

1015 1024 admin csb

โทนสีแห่งปี2020

วันนี้เรามาดูโทนสีแห่งปี2020 ที่ทาง PANTONE ได้คัดเลือกมากันค่ะ นั่นก็คือสี “Classic Blue 19-4052”
นอกจากจะสื่อถึงความ Timeless แล้ว ยังให้ความรู้สึกหรูหรา สง่างาม แฝงด้วยความสงบนิ่ง และยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกผ่อนคลาย ตามธีม Nature, Serenity and Comfort ที่ล้วนกล่าวถึงความเป็นธรรมชาติทั้งสิ้น ซึ่งเป็นสีน้ำเงินของท้องฟ้ายามพลบค่ำ สื่อถึงความสงบ เรียบง่าย ไร้กาลเวลา โดยให้คำอธิบายว่าเราอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องการความเชื่อมั่น สีน้ำเงินคลาสสิกจะแสดงออกถึงความมั่นใจ และความมั่นคง

1016 1024 admin csb

วิธีลบรอยปากกาออกจากเสื้อผ้าด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล

อีหนึ่งปัญหาที่พวกเราทุกคนมักจะเจอกันอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือปากกาเลอะเสื้อ วันนี้เรามีวิธีการลบรอยปากกาด้วยของใกล้ตัวมาฝากกันค่ะ

1.ใช้ isopropyl alcohol หรือแอลกอฮอล์ล้างแผล. คุณหาซื้อแอลกอฮอล์ล้างแผลได้ตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป

2.เอาผ้าหรือสำลีก้อนชุบแอลกอฮอล์ทาที่คราบ. ค่อยๆ ซับไป แล้วทิ้งไว้ 2 นาที
-ห้ามถูไถบริเวณคราบ เพราะจะทำให้คราบยิ่งฝังลึกและกระจายวงกว้าง แนะนำให้ซับๆ แทน

3.ใช้ผ้าเปียกหมาดซับคราบซ้ำๆ. เอามือกดๆ ให้ยิ่งซับหมึกออกมาจากเสื้อผ้าได้มากขึ้น แล้วคอยดูเป็นระยะ ว่าแอลกอฮอล์ใช้ได้ผลหรือเปล่า แป๊บเดียวจะเห็นหมึกเริ่มหลุดจากเสื้อผ้า ซึมมาที่ผ้าหรือสำลีก้อนแทน

4.ซักผ้าในน้ำเย็นจัด. พยายามซับคราบหมึกออกจากเสื้อผ้าให้ได้มากที่สุดซะก่อน

5.ซักผ้าในน้ำร้อน. จะซักมือในอ่างล้างจานโดยใช้น้ำยาซักผ้า หรือซักเครื่องก็ได้ พอซักผ้าเสร็จแล้ว ให้เช็คว่าคราบหายหรือยัง

6.ถ้ายังมีคราบหมึก ให้ทำซ้ำตามขั้นตอน. พยายามเอาผ้าชุบแอลกอฮอล์ล้างแผลซับหมึกออกจากเสื้อผ้าให้ได้มากที่สุด ถ้าไม่ได้ผลแล้ว อาจจะต้องลองขจัดคราบด้วยวิธีอื่นแทน

1024 1024 admin csb

วิธีการขยายเสื้อยืด

วันนี้เรามาลองใช้วิธีการขยายเสื้อยืดด้วยครีมนวดผมกันค่ะ ^^

1.เอาเสื้อยืดไปจุ่มในน้ำอุ่นให้เปียกชุ่ม. คุณสามารถทำได้ด้วยการเอามันไปจุ่มในอ่างหรือกะละมัง อย่าลืมใช้น้ำเย็นเท่าอุณหภูมิห้อง (หรือสูงกว่าเล็กน้อย) และจุ่มให้ทั่วบริเวณคอเสื้อที่ต้องการยืด ระดับของน้ำควรจะท่วมมิดเสื้อจนหมดด้วย

2.เติมครีมนวดผมลงไปในน้ำประมาณ 1/4 ถ้วยชา. หลังจากเติมแล้ว ก็ตีน้ำด้วยมือของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าครีมนวดผมไม่จับตัวเป็นลิ่ม และได้ละลายในน้ำโดยสมบูรณ์แล้ว ครีมนวดผมจะช่วยทำให้เส้นใยนุ่มขึ้น และง่ายต่อการยืดออก
หากไม่มีครีมนวดผมอยู่ใกล้มือ คุณก็สามารถใช้แชมพูเด็กได้
ครีมนวดผมราคาถูกก็สามารถใช้ได้ อย่าเปลืองเงินไปกับครีมนวดผมราคาแพงในการยืดเสื้อของคุณ

3.วางเสื้อยืดให้แผ่ราบและจุ่มลงไปในน้ำประมาณ 10-15 นาที. วิธีที่ง่ายที่สุด คือ วางเสื้อยืดเอาไว้บนอ่างหรือกะละมัง และจากนั้นก็ค่อยๆ กดมันลงไปในน้ำ อย่าลืมมาดูให้แน่ใจว่า น้ำที่ผสมครีมนวดผมได้ซึมเข้าไปในทุกเส้นใยของเสื้อแล้ว เพราะหากมันไม่ชุ่มชื้นเสมอกัน แต่ละส่วนของเสื้อจะหดหรือยืดแตกต่างกัน
จุ่มเสื้อลงไปให้แผ่ราบจนถึงก้นอ่างหรือกะละมัง อย่าให้มันห่อตัวหรือกระจุกรวมกัน ค้างไว้ประมาณ 1 ถึง 2 นาที เพื่อให้มั่นใจว่า น้ำที่ผสมครีมนวดได้ซึมเข้าไปในเส้นใยของเสื้อผ้าแล้ว ยิ่งมันเปียกชุ่มมากเท่าไหร่ มันก็จะสามารถนอนแน่นิ่งอยู่ในอ่างน้ำได้ด้วยตัวของมันเอง คุณก็แค่ปล่อยทิ้งไว้อีกเพียง 10 ถึง 15 นาทีเท่านั้น

4.ล้างน้ำออก. หยิบเสื้อออกมาจากอ่างหรือกะละมัง เทน้ำออก เติมน้ำใหม่ด้วยน้ำสะอาดและอุณหภูมิเท่าเดิมอีกครั้ง หรือจะใช้อ่างอีกใบนึงเลยก็ได้ ก็เหมือนตอนที่คุณล้างครีมนวดผมออกด้วยน้ำสะอาดเวลาสระผม คุณก็ต้องกำจัดมันออกจากเสื้อของคุณด้วยเช่นกัน ไม่งั้นมันจะกลายเป็นคราบตกค้างเหนียวๆ
ใช้เวลาตามความเหมาะสม คุณอาจใช้เวลาสัก 5 นาทีหรือมากกว่านั้นในการล้างเสื้อ ให้แน่ใจว่าน้ำสะอาดได้ซึมเข้าไปในทุกอณูของเส้นใย เช่นเดียวกับตอนแรก

5.หาพื้นเรียบๆ ผึ่งเสื้อยืดเอาไว้. คุณอาจจะใช้บริเวณฝาด้านบนของเครื่องปั่น หรือเคาน์เตอร์ที่เป็นแกรนิต หรือด้านบนของตู้เย็นก็เหมาะสมเช่นกัน โดยอาจจะนำผ้ามาปูรองไว้ก่อนเพื่อปกป้องตัวเสื้อ (และพื้นผิวดังกล่าว หากคุณไม่ต้องการให้มันเปียกเลอะ)
บิดน้ำออกจากเสื้อให้หมาด เพื่อป้องกันการไหลหยดตามทาง และเพื่อช่วยเร่งให้แห้งเร็วขึ้น

6.หากมีลวดลายกราฟฟิกบนเสื้อที่คุณไม่ต้องการให้มันยืด ก็ให้ใช้เตารีดมารีดให้แห้งก่อน. การยืดเสื้อออก อาจจะทำให้รูปภาพบนเสื้อของคุณเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม หากคุณทำให้มันแห้งเสียก่อน มันก็จะไม่ยืดเหมือนส่วนบนและส่วนด้านข้างของเสื้อ รวมถึงบริเวณอื่นๆ ที่คุณต้องการยืด เพราะบริเวณเหล่านั้นยังคงเปียกอยู่

7.สอดแขนด้านหน้าของคุณเข้าไปในเสื้อยืดบริเวณที่คุณต้องการยืด. หากคุณต้องการให้มันกางออก ก็ออกแรงยืดบริเวณนั้น อย่าลืมใช้แรงแต่พอประมาณ ไม่ออกแรงมากเกินไปในแต่ละจุด ซึ่งอาจจะทำให้เกิดรอยขมวดแปลกๆ อยู่บนบางจุดของเสื้อ หากคุณรู้สึกว่า แขนคุณไม่มีแรงมากพอที่จะยืดเสื้อออกได้อย่างเหมาะสม ก็อาจจะใช้ขา หรือใช้ก้านแข็งๆ อะไรสักอย่าง รวมถึงหาคนที่มีพลกำลังแขนมากกว่าคุณมาช่วยยืดออก
หากคุณต้องการให้เสื้อของคุณยาวขึ้น ก็ยืดมันออกตั้งแต่ส่วนคอเสื้อจนถึงชายเสื้อ ดึงมันให้กางออกในทิศทางตรงข้ามกัน และจากซ้ายไปขวาด้วย ดูให้แน่ใจว่าแต่ละด้านของเสื้อมันยึดออกเท่ากันแล้ว

8.กางเสื้อยืดออกและผึ่งบนผ้าเพื่อทำให้แห้ง. หากคุณกลัวว่ามันจะหดเยอะเกินไป ก็สามารถหาน้ำหนักอะไรมากดทับบริเวณขอบเอาไว้ หากคุณต้องการให้ส่วนหน้าอกหรือท้องขยายขึ้นมากกว่าเดิม คุณก็สามารถหาวัตถุบางอย่างมาสอดเข้าไป และถ่างมันออกได้ตามต้องการ
เสื้อของคุณจะยังคงอยู่ในทรงเดิม จนกว่ามันจะถูกนำไปซักและทำให้แห้งอีกครั้งหนึ่ง หากคุณต้องการให้มันอยู่ในรูปทรงและขนาดที่คุณทำขึ้นใหม่ ก็อย่านำมันลงไปในเครื่องปั่นแห้งอีกล่ะ

1018 1024 admin csb

กำจัดขุยผ้าด้วยอุปกรณ์ในบ้าน

วันนี้เรามีวิธีกำจัดขุยบนเสื้อผ้ามาฝากกันค่ะ

1.ใช้ฟองน้ำกระดาษทราย. เมื่อนำฟองน้ำกระดาษทรายถูบนเสื้อผ้าของคุณ ขุยผ้าทั้งหมดก็จะหายไปโดยทันที

2. เล็มด้วยกรรไกร. คุณอาจใช้กรรไกรเล็มขุยผ้าได้โดยขึ้นอยู่กับปริมาณและขนาดของขุยผ้า โดยวางเสื้อผ้าของคุณบนพื้นผิวที่เรียบ จากนั้นดึงขุยผ้าออกทีละเส้นและใช้มืออีกข้างหนึ่งคอยตัดขุยผ้าออก หรือคุณอาจสอดมือเข้าไปด้านในเสื้อผ้าเพื่อดึงให้ตึงและค่อยๆ เล็มขุยผ้าออกจนหมด

3. ใช้ใบมีดโกน. เตรียมใบมีดโกนแบบใช้แล้วทิ้งและวางเสื้อผ้าบนพื้นผิวที่เรียบ พยายามดึงผ้าตรงบริเวณที่เป็นขุยให้ตึงเพื่อป้องกันไม่ให้ใบมีดตัดถูกผ้าจนขาด ค่อยๆ ใช้ใบมีดโกนโกนขึ้นเป็นช่วงสั้นๆโดยพยายามเบามือที่สุดในช่วงแรกแล้วจึงเพิ่มแรงมากขึ้นหากจำเป็น

4. ใช้โรลม้วนผมตีนตุ๊กแก. โรลม้วนผมมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล จึงไม่เป็นอันตรายต่อผ้าที่มีเนื้อละเอียดอย่างผ้าขนแกะหรือผ้าแคชเมียร์[4] วางเสื้อผ้าบนพื้นผิวที่เรียบและดึงให้ตึง จากนั้นค่อยๆ หมุนโรลม้วนผมขึ้นไปทางด้านบนและยกออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งขุยผ้าหลุดออกจากบริเวณนั้นจนหมด โดยขุยผ้าที่หลุดออกมาจะติดอยู่บนโรลม้วนผม ทำซ้ำตรงบริเวณอื่นๆ หากเสื้อผ้าของคุณมีขุยอยู่หลายจุด

5. ใช้แถบเวลโคร แถบเวลโครสามารถใช้ในการกำจัดขุยผ้าได้เช่นกัน โดยคุณสามารถใช้แถบเวลโครที่ติดกับรองเท้าหรือกระเป๋าเงินได้ นำด้านที่เป็นขอเกี่ยวของแถบเวลโครติดลงไปตรงบริเวณที่เป็นขุยผ้าและค่อยๆ ดึงออก ทำซ้ำจนกระทั่งขุยผ้าหลุดออกจนหมด

1013 1024 admin csb

วิธีทำให้ผ้าหอมสะอาดและป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์

วันอาทิตย์สุดสัปดาห์นี้เรามาทำให้เสื้อผ้าของเราหอมๆ ตลอดวันต้อนรับสัปดาห์หน้ากันจ้า ^^

1.อบผ้าเพื่อกำจัดกลิ่นเฉพาะหน้า. ถ้าต้องรีบใช้เสื้อผ้าชิ้นนั้น ลองเอาเข้าเครื่องอบผ้าสัก 15 นาที โดยใส่ dryer sheets หอมๆ 1-2 แผ่น ถึงไม่ได้ทำให้ผ้าสะอาดขึ้น แต่รับประกันความหอม แถมผ้าจะเรียบขึ้นด้วย ดูเผินๆ แล้วเหมือนเพิ่งซักมาเลย

2.ฉีดน้ำส้มสายชูกลั่นขาวเจือจาง. ผสมน้ำส้มสายชูกลั่นขาวกับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากันในขวดสเปรย์ กลับด้านผ้าแล้วฉีดพ่นได้เลย จากนั้นแขวนตากไว้ 2-3 นาที กลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูจะจางหายไป ยิ่งพอผ้าแห้งยิ่งไม่เหลือกลิ่น

3. ฉีดน้ำหอมใส่. ควรฉีดน้ำหอมที่ตัวคุณแล้วค่อยแต่งตัว หรือจะฉีดใส่เสื้อผ้าโดยตรงก็ได้ ถ้าเป็นเส้นใยธรรมชาติ เช่น คอตตอนและลินิน ห้ามฉีดใส่เส้นใยสังเคราะห์ อย่างโพลีเอสเตอร์ โดยเฉพาะผ้าไหมหรือผ้าสีอ่อน อาจทิ้งคราบไว้เลย

4. รักษาความสะอาดของบ้าน. เสื้อผ้าดูดกลิ่นแวดล้อมดีนัก เพราะงั้นถ้าบ้านเหม็น ผ้าก็เหม็นตาม ให้กวาดบ้าน ถูบ้าน หรือดูดฝุ่นเป็นประจำ โดยเฉพาะห้องที่เก็บเสื้อผ้าไว้ อาจจะใช้น้ำหอมปรับอากาศด้วย และอย่าสูบบุหรี่ในบ้าน

5. ถ้าจะใส่เสื้อผ้าซ้ำ ต้องผึ่งลมไว้. ถ้าไปเรียน/ทำงานมา แล้วต้องใส่ชุดซ้ำ ให้แขวนไว้ข้างหน้าต่างที่เปิดรับลม จะช่วยกำจัดกลิ่นให้ผ้าหอมขึ้นได้ โดยเฉพาะเสื้อนอกเสื้อสูทหรือพวกเครื่องแบบที่ซักบ่อยๆ ไม่ได้

6.แยกผ้าสะอาดกับผ้าใช้แล้ว. ห้ามวางใกล้กันหรือวางทับบนผ้าสะอาดเด็ดขาด เพราะกลิ่นจะติดทันที แยกตะกร้ากันหรือแยกห้องได้ยิ่งดี และอย่าเอาผ้าใช้แล้วที่เปียกชื้นใส่ตะกร้าไว้ ต้องผึ่งให้แห้งก่อน ไม่งั้นเจอทั้งเชื้อราและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับชื้นแน่นอน

1024 1024 admin csb

การเก็บรักษาผ้า

วันนี้มาดูวิธีการเก็บรักษาเสื้อผ้ากันค่ะ ^^
1.ใส่ถุงหอม/บุหงา หรือแผ่นหอมอบผ้าในลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้า
-ถ้าอยากให้เสื้อผ้าหอมสะอาด ก็ลองหาถุงหอมหรือบุหงาใส่สมุนไพร เครื่องเทศ หรือดอกไม้แห้งกลิ่นที่ชอบ มาใส่ในลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้าดู จะซื้อแบบสำเร็จหรือทำเองก็ได้ โดยใส่ดอกไม้แห้งหรือสมุนไพรในถุงตาข่าย แล้วมัดปากให้แน่น จะใส่ในลิ้นชักเก็บผ้า หรือแขวนกับไม้แขวนเสื้อในตู้ก็ได้
ง่ายกว่านั้นคือใช้ dryer sheets นั่นแหละดูดกลิ่นให้ผ้าหอมสดชื่น จะยัดในรองเท้า แล้วเอาใส่ลิ้นชักหรือวางบนชั้นในตู้เสื้อผ้าก็ได้

2ใช้น้ำมันหอมระเหยหรือน้ำหอม
-หยดน้ำหอม/น้ำมันหอมระเหยกลิ่นโปรด 2-5 หยดใส่เศษผ้า ทิชชู่ หรือสำลีก้อน แล้วเอาไปใส่ในลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้า หรือจะหยดน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดที่ผนังลิ้นชักด้านในก็ได้ โดยทิ้งไว้ให้แห้งก่อน แล้วค่อยเอาเสื้อผ้าใส่เข้าไป อีกวิธีคือใช้เทียนหอมหรือสบู่แทน
เอาผ้าห่อเทียนหอมที่ยังไม่เคยใช้ หรือสบู่ก้อน แล้วเอาใส่ลิ้นชักหรือตู้เสื้อผ้า
จะใช้ bath bomb แทนน้ำหอมปรับอากาศในตู้เสื้อผ้าก็ยังได้

3ฉีดสเปรย์ปรับอากาศหรือสเปรย์ฆ่าเชื้อตู้เสื้อผ้า. ปกติจะทำได้แค่กลบกลิ่นเหม็น ไม่ได้กำจัดซะทีเดียว ที่เห็นผลสุดคือสเปรย์ดับกลิ่น (odor-neutralizing) ที่กลิ่นหอม อย่างยี่ห้อ Febreze หรือจะผสมน้ำยาปรับอากาศเองก็ยังได้ โดยผสมน้ำส้มสายชูกลั่นขาว ½ ถ้วยตวง กับน้ำ ½ ถ้วยตวง ใส่ขวดสเปรย์ แล้วหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 10 หยด
ใช้ฉีดพ่นตู้เสื้อผ้าได้ทุก 2-3 วัน
กลิ่นฉุนของน้ำส้มสายชูจะจางไปในไม่กี่นาที เหลือแต่กลิ่นหอมสดชื่น

4 ใช้กลิ่นไม้หอมเป็นน้ำหอมปรับอากาศตามธรรมชาติ ไม้สนซีดาร์กับไม้จันทน์หอมนี่แหละที่คนนิยมใช้กัน ให้ใส่ในตู้เสื้อผ้า 1-2 ชิ้น ช่วยให้ผ้าหอมแบบธรรมชาติ ซีดาร์จะช่วยไล่แมลงกินผ้าทั้งหลาย แถมดูดซับความชื้น เพราะเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นอับชื้นในเสื้อผ้า

5.ดูดกลิ่นไม่พึงประสงค์ด้วยเบคกิ้งโซดา. เอาเบคกิ้งโซดาใส่ภาชนะที่ไม่ปิดฝา ไปวางที่พื้นตู้เสื้อผ้า หรือที่มุมลิ้นชักเก็บผ้า ถ้าอยากให้ยิ่งหอมๆ จะหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบสัก 2-3 หยดในเบคกิ้งโซดาด้วยก็ได้ คุณดับกลิ่นโดยเอาเบคกิ้งโซดาใส่ขวดโหลเล็กๆ ก็ได้ ถ้าชอบก็หยดน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดลงไปด้วย แล้วใช้ส้อมคนผสม ถ้าปิดฝาก็ให้ตอกตะปูเจาะรู 2-3 รูด้วย
ไม่ปิดฝาจะสะดวกสุด แต่ระวังถ้ามีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงในบ้านที่ชอบเล่นซน จะเป็นอันตรายได้
โรยเบคกิ้งโซดาในรองเท้าเพื่อดูดกลิ่น แล้ววันรุ่งขึ้นอย่าลืมเททิ้งล่ะ

1024 1022 admin csb

เสื้อผ้าราคาแพงดูแลอย่างไรให้ใส่ได้นาน

วันนี้ทางเพจขอหยิบเทคนิคดีๆ ที่จะช่วยให้เสื้อตัวโปรดของคุณ อยู่กับคุณไปอีกยาวนานมาฝากกันค่ะ ^^

การดูและรักษาเสื้อผ้า high –End

ความโดดเด่นของผ้าแต่ละชนิด

ผ้า silk satin : มีความเงาหรูหรา เหมาะทำชุดออกงาน

วิธีการดูแลรักษา ซักแห้งเท่านั้น

ผ้า cotton สแปรนเดกซ์ : ให้ความยืดหยุ่น สวมใส่สบาย ถ่ายเทอากาศได้ดี เหมาะกับชุดทำงาน ชุดปาร์ตี้ ชุดสวมใส่ทั่วไป

วิธีการดูแลรักษา ซักด้วยมือ รีดด้วยอุณหภูมิต่ำ

ผ้าลูกไม้ : ถ่ายทอดถึงความเป็นผู้หญิง Sexy & Classy ดูหรูหรา เพิ่มดีเทลให้กับเสื้อผ้า

วิธีการดูแลรักษา ซักแห้งเท่านั้น

ผ้า silk ชีฟอง : เนื้อผ้ามีความนุ่มบางเบา โปร่งแสง ทิ้งตัวได้ดี เหมาะสำหรับการทำชุดราตรี ชุดปาร์ตี้ ชุดทำงาน

วิธีการดูแลรักษา ซักด้วยมือ

ผ้าวูล : เนื้อผ้ามีความหนา ให้ความอบอุ่นได้ดี ทำมาจากขนสัตว์ เหมาะกับชุดทำงาน เช่น แจ็คเก็ต เป็นต้น

วิธีการดูแลรักษา ซักแห้ง

ผ้าทวีต : เป็นผ้าทอที่มีลวดลายในตัว ให้ความอบอุ่นและหรูหราเหมาะสำหรับใช้สวมใส่ในฤดูหนาว

วิธีการดูแลรักษา ซักแห้งและซักมือ

ผ้าลินิน : สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน

วิธีการดูแลรักษา ซักมือ

1012 1024 admin csb

วิธีซักมือถนอมเสื้อผ้า

วิธีง่ายๆ ในการซักผ้าด้วยมือ การซักผ้าอาจฟังดูเป็นเรื่องง่ายๆ แต่หากคุณรู้ถึง วิธีการซักผ้าที่ถูกต้อง คุณจะเห็นว่าผ้าที่ซักได้รับการ ทำความสะอาด ที่ดีกว่าหลายเท่าและสิ่งสำคัญที่สุด คือคุณต้องอ่านป้ายคำแนะนำที่ติดไว้ที่เสื้อผ้าและต้องใช้ผงซักฟอกที่เหมาะสมในการซัก คนส่วนใหญ่นั้นจะซักผ้าด้วยมือเฉพาะชุดชั้นใน กางเกงในและเสื้อผ้าชุดโปรดเท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นผ้าไหม ผ้าซาติน ผ้าขนสัตว์ หรือแม้กระทั่งพวกเสื้อไหมพรม เราจะมาแนะนำวิธีการซักผ้าด้วยมืออย่างเป็นลำดับขั้นตอน

ขั้นตอนง่ายๆในการซักผ้าด้วยมือ

ก่อนที่จะเริ่มซักผ้าด้วยมือทุกครั้ง ให้ดูคำแนะนำบนป้ายเสื้อว่า ผ้าของคุณเป็นแบบไหน แบบที่ต้องใช้มือซักเท่านั้นหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับน้ำเย็น ขณะที่ผ้าแบบอื่นอาจจะใช้น้ำอุ่นในการซักควรที่จะดูให้ดี แต่สำหรับเสื้อผ้าที่มีป้ายติดว่าให้ซักแห้งเท่านั้น ! ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะซักมือเพราะถ้ามันโดนน้ำเสื้อผ้าอาจจะเสียหายได้
ควรแยกเสื้อตามกลุ่มสีก่อนที่จะซัก (เช่นเสื้อผ้าสีขาว สีเข้ม) เพื่อป้องกันสีตกใส่กัน
เติมน้ำอุณหภูมิที่เหมาะสม ตามที่ป้ายแนะนำลงไปในถังน้ำ
ใส่ผงซักฟอกที่เอาไว้สำหรับซักด้วยมือเท่านั้น ลงไปในถังและให้แน่ใจว่าผงซักฟอกละลายแล้ว
ใส่ผ้าลงไปในน้ำ โดยหากเสื้อผ้ามีคราบสกปรกอยู่ ให้แช่มันไว้ในน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งจะช่วยลดเวลาเวลาซักให้น้อยลง เพราะ คราบจะถูกขจัดออกได้ง่ายขึ้น
ซักผ้า โดยพยายามเน้นไปตรงที่มีรอยคราบ โดยให้ทำการซักเบาๆกับน้ำ
เทพวกน้ำสกปรกหลังจากที่ซักผ้าแล้วออกให้หมด เปลี่ยนน้ำเพื่อล้างทำความสะอาดเสื้อผ้าที่ซัก และล้างอีกทีด้วยน้ำสะอาด เพื่อกำจัดพวกคราบผงซักฟอกที่หลงเหลืออยู่
หากคุณอยากใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปด้วย ให้ใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในน้ำอีกกะละมังนึง แล้วค่อยนำผ้าไปแช่ทิ้งไว้ประมาณยี่สิบนาทีถึงครึ่งชั่วโมง โดยอย่าลืมทำตามคำแนะนำบนป้ายสุดท้ายการตากผ้า บิดผ้าให้หมาดๆ และควรอ่านฉลากคำแนะนำวิธีการดูแล
เสื้อผ้าแต่ละชนิดเสมอ เพื่อทราบวิธีการตากที่เหมาะสมกับเนื้อผ้า เพื่อหลีกเลี่ยงแดดที่จะทำให้ผ้าสีซีด ( บนผ้าสีทุกอย่าง ยกเว้นผ้าขาว ) ให้กลับด้านมันของผ้าก่อน จากนั้นค่อยแขวนไปตามราวตากผ้าและใช้ไม้หนีบผ้าหนีบให้อยู่กับที่ เสื้อผ้าของคุณจะใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึง 1-2 วันถึงจะแห้งสนิท ขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและสภาพอากาศ
ถ้าคุณต้องการจะฟอกผ้าขาว ให้ใส่นำยาฟอกผ้าขาวหลังจากที่ซักก่อนที่จะล้างน้ำออก และควรตรวจดูกระเป๋าของเสื้อและกางเกง ก่อนที่จะซักเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ลืมของอะไรไว้และควรจะเอาออกมาก่อน การซักผ้าด้วยมือ เป็นวิธีที่ถนอมเสื้อผ้าของคุณ และ ยืดอายุการใช้งานของมันได้ดีที่สุด

1024 1024 admin csb

ผ้าแคนวาส

วันนี้เรามีเรื่องผ้ามาฝากกันอีกแล้วค่ะ ^^
ผ้าที่ถูกทอขึ้นจากผ้าฝ้ายด้วยความหนาเป็นพิเศษ ลักษณะจะคล้ายๆผ้ากระสอบหรือผ้าดิบ แต่จะมีความถี่ในการทอที่หนามากกว่า
เนื้อผ้าละเอียดกว่า และดูสวยงามมากกว่า รีดอยู่ทรง

1024 1024 admin csb

4 วิธีรีดผ้าให้เรียบกริ๊บกับเนื้อผ้า4ประเภท

วันนี้ทางเพจเรามีเคล็ดลับ วิธีการ รีดผ้าให้เรียบ กับเนื้อผ้า 4 ประเภทมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ

1. ผ้าฝ้าย
เป็นผ้าที่เราค่อนข้างสนิทด้วยที่สุดเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะด้วยคุณสมบัติที่ดูดความชื้น และ ระบายความร้อนได้ดี เหมาะกับอากาศร้อน ๆ แบบบ้านเรามาก ๆ ค่ะ ผ้าฝ้ายจึงถูกนำมาตัดเย็บเป็นเครื่องนุ่งห่ม ไปจนถึงผ้าหุ้มต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ไปจนถึง เสื้อผ้าเด็ก การรีดผ้าให้เรียบนั้นก็ทำได้ง่าย ๆ คือ รีดผ้าฝ้ายด้วยอุณหภูมิสูง เพราะผ้าฝ้ายมีเส้นใยที่แข็งแรง ทนทานต่อการซักรีด หากว่ายังเรียบไม่พอสามารถใช้งานร่วมกันกับน้ำยารีดผ้า ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผ้าฝ้ายเรียบก็ได้ค่ะ

2.ผ้าลินิน
ผ้าอีกหนึ่งชนิดที่มาแรงแซงทางโค้งจากประเภทของผ้าทุกชนิด หันมองไปทางไหนวัยรุ่นสมัยนี้ ก็มักจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ตัดเย็บมาจากผ้าลินินกันเยอะเลย คงเป็นเพราะว่า ผ้าลินินนั้นมีคุณสมบัติดูดซับความชื้น และแห้งเร็วกว่าผ้าฝ้ายอยู่มาก แถมยังทนต่อความร้อน และ แสงแดดได้ดี เหมาะกับอากาศบ้านเราตอนนี้ ที่เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝน มาก ๆ เลยค่ะ แต่เส้นใยของผ้าลินิน อาจจะไม่ทนทาน แข็งแรงเท่าผ้าฝ้าย เพราะฉะนั้น การดูแลรักษาผ้าลินิน จะต้องทำอย่างเบาไม้ เบามือเสียหน่อย การรีดผ้าลินินก็เช่นกันค่ะ ควรรีดด้วยความร้อนสูง แต่ต้องรีดจากด้านในนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ด้านนอกเป็นรอยมัน ๆ ที่อาจจะแวววับเกินความจำเป็นไปหน่อย

3.ผ้าไหม
ถ้าถามว่าผ้าชนิดไหนมีความแวววาว ใส่แล้วดูแพง (ซึ่งก็แพงจริง ๆ นั้นแหละค่ะ 5555) คำตอบคงหนีไม่พ้นผ้าไหมแน่ ๆ เพราะด้วยคุณสมบัติของผ้าไหม ที่เนื้อผ้ามีความเงา มัน ทิ้งตัวดี แถมยังดูดซับความชื้นได้ดี จึงทำให้เมื่อสวมใส่ผ้าไหมในสภาพอากาศที่ร้อน ผู้ใส่จะรู้สึกเย็นสบาย แต่เมื่อใส่ในสภาพที่มีความเย็น ผ้าไหมนั้นก็จะช่วยทำให้ผู้สวมใส่ รู้สึกอบอุ่นขึ้น เส้นไหมที่นำมาถักทอเสื้อผ้าไหมนั้น มีความทนทานต่อการใช้งานพอสมควร แต่ไม่ทนต่อการกัดแทะของแมลง รวมไปถึง แสงแดด ผ้าไหมจะสูญเสียความเหนียวเมื่อเปียกน้ำ ทำให้เราต้องดูแลเสื้อผ้าไหมค่อนข้างมากกว่าผ้าชนิดอื่น ๆ ส่วนมากผ้าไหมจะถูกทำความสะอาดด้วยการซักแห้ง หรือ ซักมือ เพื่อเป็นการถนอมเส้นใยไปในตัว การรีดเสื้อผ้าไหมนั้น ควรรีดจากด้านในด้วยอุณหภูมิไม่เกิน 145 องศาเซลเซียส โดยนำผ้าดิบ หรือ ผ้าขาวบางมารองไว้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากความร้อน โดยรีดด้านนอกของเสื้อผ้าไหมด้วยไฟอ่อน และอย่าลืม รองด้วยผ้าขาวบางก่อนทุกครั้งนะคะ ไม่ควรใช้แรงกดมากเกินไป ให้รีดด้วยน้ำหนักที่เบา แต่รวดเร็ว เท่านี้เสื้อผ้าไหมของเราก็คงความสวย แถมด้วยความเรียบกรี๊บอีกด้วยจ้า

4.ผ้าขนสัตว์ ผ้าสักหลาด ผ้าไหมพรม
มื่อถึงช่วงปลายปี ที่อากาศลดต่ำลง ก็ถึงเวลาหยิบเสื้อกันหนาวมาใส่บ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันหนาวที่ทำมาจากผ้าขนสัตว์ ผ้าสักหลาด หรือผ้าไหมพรมก็ดี เสื้อผ้าชนิดนี้อาจจะไม่ต้องดูแลรักษามาก เมื่อเทียบกับผ้าชนิดอื่น ๆ วิธีการรีดผ้าชนิดนี้ก็ทำได้ง่าย ๆ คือทุกๆการรีดเสื้อผ้าขนสัตวนั้น ก่อนลงเตารีดควรใช้ผ้าขาวมาปิดทับลงบนเสื้อ หรือ บริเวณที่ต้องการจะรีด เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเนื้อผ้า แต่ถ้าหากใช้เตารีดธรรมดารีดนั้น ต้องนำผ้าขาวไปชุบน้ำ แล้วบิดหมาด ๆ ก่อนค่อยนำมาทับ วิธีการรีดเสื้อผ้าชนิดนี้ควรรีดด้วยไฟอ่อน รีดโดยกดทับไปเรื่อย ๆ ไม่ควรใช้การถู หรือ ไถแบบผ้าชนิดอื่น เพราะจะทำให้ผ้าเสียทรงได้ค่ะ